การจัดการเรียนรู้แบบแสดงบทบาทสมมุติ ( Role Playing)
ความหมาย
การจัดการเรียนรู้แบบแสดงบทบาทสมมุติ
คือ
กระบวนการที่ผู้สอนกำหนดหัวข้อเรื่องปัญหาหรือสถานการณ์ขึ้นมาให้คล้ายกับสภาพจริง
แล้วให้ผู้เรียนสวมบทบาท หรือแสดงบทบาทนั้นตามความรู้สึกนึกคิดและประสบการณ์ของผู้เรียนที่คิดว่าควรจะเป็น
ภายหลังของการแสดงบทบาทสมมุติจะต้องมีการอภิปรายเกี่ยวกับการแสดงออกทั้งด้านความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้แสดงเพื่อการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์
1.เพื่อฝึกให้ผู้เรียนรับรู้และเข้าใจในความรู้สึกและพฤติกรรมทั้งของตนเองและผู้อื่น
2.เพื่อฝึกให้ผู้เรียนใช้ความรู้และทักษะในการแก้ปัญหาและตัดสิใจในการเผชิญสถานการณ์ต่างๆ
3.เพื่อให้ผู้เรียนปรับเปลี่ยนเจตคติ
พฤติกรรมและปฏิบัติตนในสังคมได้อย่างถูกตองเหมาะสม
4.เพื่อให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้
มีโอกาสแสดงออกและได้เรียนอย่างสนุกสนาน
องค์ประกอบสำคัญ
องค์ประกอบสำคัญในการการจัดการเรียนรู้แบบแสดงบทบาทสมมุติ ได้แก่
1.การกำหนดสถานการณ์สมมุติ หัวข้อเรื่องปัญหา
2.การกำหนดบทบาทสมมุติที่ต้องการพร้อมรายละเอียด
3.การแสดงบทบาทสมมุติ
4.กติกาควบคุมการแสดงบทบาทสมมุติ
5.การอภิปรายที่เกี่ยวกับความรู้
ความรู้สึกและพฤติกรรมการแสดงบทบาทสมมุติ
6.การสรุปผลการเรียนรู้
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้แบบแสดงบทบาทสมมุติ
ประกอบด้วย7ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1.ขั้นเตรียมการ
ผู้สอนควรกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน
สร้างสถานการณ์และกำหนดบทบาทสมมุติซึ่งบทบาทสมมุติที่ใช้ประกอบการเรียนอยู่ในปัจจุบันนี้แยกออกเป็น 3 วิธีดังนี้
1.1
การแสดงบทบาทสมมุติแบบไม่มีบทเตรียมไว้ ซึ่งผู้แสดงไม่จำเป็นต้องฝึกซ้อมก่อนที่จะแสดง
เมื่อเรียนถึงเรื่องใดก็แสดงได้ทันทีโดยแสดงไปตามความรู้สึกนึกคิดของตนเอง เช่น
เป็นครู ทหาร หรือบุคคลสำคัญต่างๆในชุมชน เป็นต้น
1.2
การแสดงบทบาทสมมุติแบบเตรียมบทไว้พร้อม
ผู้สอนจะต้องเตรียมบทไว้ล่วงหน้าบอกความคิดรวบยอดและบทบาทให้ผู้แสดงทราบ
ซึ่งผู้แสดงอาจแสดงตามบทที่กำหนดบ้างหรือคิดบทบาทขึ้นเองตามความคิด
ความพอใจของตนแต่ต้องตรงกับเนื้อหาที่กำหนดให้
1.3
การแสดงบทบาทสมมุติแบบแสดงละคร
ผู้สอนกำหนดบทบาทไว้แล้วผู้แสดงจะต้องฝึกซ้อมแสดงและพูดตามบทที่ผู้สอนกำหนดขึ้น
2.ขั้นเริ่มบทเรียน
ควรกระตุ้นความสนใจผู้เรียนให้คิดและอยากติดตามเรื่องราวต่างๆซึ่งอาจทำได้หลายวิธี เช่น
- การเชื่อมโยงประสบการณ์ใกล้ตัวผู้เรียน
- การเชื่อมโยงประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับในอดีต
- การเล่าเรื่องราวหรือสถานการณ์สมมุติที่เตรียมมาแล้วและทิ้งท้ายด้วยปัญหา
- การชี้แจงให้เห็นประโยชน์จากการเข้าร่วมแสดงและร่วมกันคิดแก้ปัญหา
- การใช้คำถามนำซึ่งเป็นคำถามหลักในประเด็นที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการคิด
3.ขั้นเลือกผู้แสดง
การเลือกผู้แสดงขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน
และควรให้โอกาสผู้เรียนอาสาสมัครแสดงบทบาทด้วยความเต็มใจ
เมื่อเลือกผู้แสดงครบถ้วนโดยวิธีการใดวิธีการหนึ่งแล้ว
ควรให้เวลาในการเตรียมการแสดงและการฝึกซ้อมพอสมควร เช่น
- เลือกผู้แสดงที่มีลักษณะเหมาะสมกับบทบาท เพื่อให้การแสดงเป็นไปอย่างราบรื่นตามวัตถุประสงค์
- เลือกผู้แสดงที่มีลักษณะตรงข้ามกับบทบาทที่กำหนดให้ เพื่อให้ผู้เรียนคนนั้นได้รับประสบการณ์ใหม่ เกิดความเข้าใจในความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้ที่มีลักษณะแตกต่างไปจากตน
- ลือกผู้แสดงจากอาสาสมัครหรือความสมัครใจที่ผู้แสดงแต่ละคนสนใจ
- เลือกผู้แสดงแบบจำเพาะเจาะจง เพื่อให้บุคคลนั้นเกิดการเรียนรู้ได้ข้อคิดจากบทบาทที่ได้รับ
4.ขั้นกำหนดตัวผู้สังเกตการณ์หรือผู้ชม
ผู้สอนควรซ้อมความเข้าใจกับผู้ชมหรือผู้สังเกตการณ์ว่า
การแสดงบทบาทสมมุติที่จัดขึ้นนี้มิได้มุ่งนำเสนอเพื่อความสนุกสนาน ความบันเทิงแต่ที่จริงแล้วจุดประสงค์ที่สำคัญมุ่งให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้แสดงและผู้ชมหรือผู้สังเกตการณ์
ดังนั้นผู้ชมควรสังเกตและมีแบบบันทึกการสังเกต
เพื่อสะดวกในการเก็บข้อมูลต่างๆได้อย่างครบถ้วน
5.ขั้นแสดง
การใช้วัสดุอุปกรณ์ประกอบการแสดง
ควรใช้เศษวัสดุโดยการใช้ซ้ำ( Reuse)การหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่(Recycle) หรือซ่อมแซม(Recycle) เพื่อเป็นการประหยัดและปลุกจิตสำนึกในการใช้ทรัพย์กรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า
จัดเป็นฉาก การแสดงให้ดูสมจริงสมจัง
เมื่อทุกฝ่ายพร้อมแล้วให้เริ่มการแสดงตามเวลาที่กำหนด ผู้แสดงควรดูแลกำกับการแสดงอย่างใกล้ชิด
ไม่ควรให้ใช้เวลายืดยาวมากเกินไปหรือแสดงออกนอกเรื่องหรือวกวนไปมาจนผู้ชมเกิดความรำคาญหรือความสับสนไม่สามารถจับประเด็นตามที่ต้องการได้
6.ขั้นวิเคราะห์และอภิปรายผลการแสดง
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนรู้ตรงตามจุดประสงค์การเรียนรู้
เทคนิคที่จำเป็นคือการสัมภาษณ์ความรู้สึกของผู้แสดงและการจดบันทึก
ต่อจากนั้นจึงสัมภาษณ์ผู้ชม/ผู้สังเกตการณ์ต่างๆ
จากข้อมูลที่บันทึกไว้ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาเป็นประเด็นในการอภิปรายสะท้อนความคิดเห็นและสรุปประเด็นสำคัญในการเรียนรู้
ผู้สอนต้องระมัดระวังในการคุมประเด็นการอภิปราย
โดยเน้นผู้ร่วมอภิปรายทุกคนให้ตระหนักถึงวัตถุประสงค์ของการแสดงบทบาทสมมติว่า
บทบาทที่ผู้แสดงแสดงออกมานั้นเป็นเครื่องมือในการดึงความรู้สึกนึกคิด การรับรู้
เจตคติหรืออคติต่างๆ
ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของผู้แสดงแต่ละคนออกมาเพื่อเป็นข้อมูลในการเรียนรู้
ดังนั้นการอภิปรายจึงควรมุ่งเน้นเฉพาะพฤติกรรมที่ผู้สวมบทบาทแสดงออกมา
ตลอดจนสะท้อนความรู้สึกของผู้สวมบทบาทที่แสดงตามบทบาทนั้นๆเช่น
มีพฤติกรรมอะไรบ้างที่น่าสนใจ ทำไมจึงแสดงพฤติกรรมเช่นนั้นพฤติกรรมนั้นๆจะก่อให้เกิดผลอะไรบ้าง
เป็นต้น ประเด็นสำคัญผู้ร่วมอภิปรายไม่ควรมุ่งประเด็นไปวิจารณ์การแสดงรายบุคคล
เช่น แสดงได้ดี ไม่ดีเพียงไร เหมาะสมกับบทบาทหรือไม่
การแต่งกายถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ รูปร่างหน้าตาดี ไม่ดีเพียงไร เพราะนอกจากจะทำให้ผู้แสดงที่ตั้งใจแสดงตามบทบาทที่ได้รับมอบหมายถูกวิพากษ์วิจารณ์จนเสียความรู้สึกแล้วยังรู้สึกผิดวัตถุประสงค์
เรียกว่า อภิปรายไม่ตรงประเด็นนั่นเอง
7.ขั้นแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสรุป
เมื่อได้วิเคราะห์และอภิปรายผลของการแสดงแล้ว
ผู้สอนจะเป็นผู้เร้าและจูงใจให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ
เพื่อให้เกิดแนวคิดกว้างขวางขึ้น โดยให้ข้อคิดว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้พบเห็นมานั้น
เป็นสิ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องบนพื้นฐานความเป็นจริงในวิถีชีวิตทั้งนั้นแล้วให้ผู้เรียนช่วยกันกำหนดกรอบแนวคิดของเรื่อง
สรุปประเด็นให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการแสดงที่กำหนดไว้
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้แบบการแสดงบทบาทสมมุติ
มีดังนี้
1.บรรยากาศการเรียนรู้
การเสริมสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ที่เป็นอิสรเสรี
สนุกสนานมีชีวิตชีวา โดยเริ่มจาก
ความสมัครใจของผู้แสดง โดยคัดเลือกจากอาสาสมัครมากว่าการบังคับ
การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบ เช่น ผู้ชม
ผู้วิจารณ์ ผู้แสดง ผู้คุมเวลา ผู้ทำหน้าที่สรุปผล เป็นต้น
การร่วมมือกันทำงานเป็นทีม เช่น การตกแต่งฉาก
เครื่องแต่งกาย การเตรียมสถานที่ การช่วยกันซ้อมบทบาท เป็นต้น
การให้อิสระทางความคิด
ผู้สอนเป็นผู้ให้คำปรึกษาและผู้สนับสนุนการทำงานของผู้เรียน
2.ข้อตกลงเบื้องต้น
ผู้สอนควรสร้างข้อตกลงเบื้องต้นหรือสร้างพันธะสัญญา(Commitment) ร่วมกันก่อน เช่น
- ชี้แจงจุดประสงค์ในการแสดงบทบาทสมมุติและสิ่งที่ต้องการให้เกิดการเรียนรู้
- กำหนดกติกาในแต่ละบทบาทของผู้แสดง เป็นต้น
- กำหนดระยะเวลาของการทำงานให้พอเหมาะ เช่น การซ้อมบทบาท การเตรียมการ การแสดงแต่ละบทบาท การสรุปประเด็น เป็นต้น
3.ประเมินผล
ผู้สอนควรประเมินผลจากการสังเกต
ผลจากการสรุปข้อคิดเห็นของผู้เรียน การสอบถาม ทุกครั้ง และนำผลจากการประเมินไปใช้เพื่อปรับปรุงในการแสดงครั้ง/ตอนต่อไป
ข้อดีและข้อจำกัด
ข้อดีและข้อจำกัดของการจัดการเรียนรู้แบบใช้บทบาทสมมุติมีดังนี้
ข้อดี
1.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างสนุกสนาน
สามารถเรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการสอนแบบเล่นปนเรียน
2เป็นลักษณะการจัดการเรียนรู้ที่มีความหมายสำหรับผู้เรียน
3.เป็นการเรียนรู้ที่มีสภาพใกล้เคียงกับความเป็นจริงมาก
ผู้เรียนสามารถสัมผัสได้
4.ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในความคิด
ความรู้สึกของผู้อื่นและสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงเจตคติและพฤติกรรมของผู้เรียนได้
ข้อจำกัด
- ป็นวิธีสอนที่ใช้เวลามากพอสมควร ดังนั้น ผู้สอนจะต้องวางแผนการใช้เวลาไว้ล่วงหน้าและควรกำหนดเวลาแบบยืดหยุ่นได้
- เป็นวิธีสอนที่มีขั้นตอนค่อนข้างมาก ผู้สอนจะต้องเตรียมการอย่างรัดกุม
- ผู้สอนต้องมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อการรับรู้ (Sensitivity) สามารถสังเกตและเข้าใจพฤติกรรมทั้งของผู้แสดงและผู้ชมได้ตลอดเวลา เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการวิเคราะห์และอภิปรายผลการแสดง
- ผู้สอนต้องมีความสามารถในการแก้ปัญหาหรือปรับสถานการณ์ได้ดี ในกรณีที่ผู้เรียนไม่อาจแสดงให้เป็นไปตามความคาดหวังของผู้สอน หรือเกิดการติดขัดในการแสดงอย่างกระทันหัน
ที่มา สุวิทย์
มูลคำ อรทัย มูลคำ 19 วิธีจัดการเรียนรู้ : เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ/สุวิทย์ มูลคำอรทัย
มูลคำ. กรุงเทพ
: โรงพิมพ์ภาพพิมพ์,2545.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น